หลังจากหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก นครพนม
มรณะภาพเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ฤาษีไม่รู้จะกราบหาครูบาอาจารย์ที่ไหน ที่พอจะมีคุณธรรมเพื่อให้สั่งสอนการฝึกปฎิบัติกรรมฐาน
วิปัสนากรรมฐาน ฌาณสมาบัติต่างๆ
ผ่านไป ๒ เดือน
พระอาจารย์นิยม ได้มากราบหลวงตาพรมมา ปัญญาธโร ที่วัดบ้านหนองผือ ได้เล่าเรื่องหลวงปู่บุญมี ฐานิสโร วัดคำพระอุ้ย อำเภอโพธิชัย จังหวัดร้อยเอ็ด ว่าหลวงปู่มีจิตใจแลปฎิปทาน่าเคารพกราบไหว้ จึงได้ชักชวนกันไปกราบท่าน จากสกลนครถึงวัดท่าน ๑๒๐ กิโลเมตรพอดี
หลวงปู่ท่านมีอายุ ๙๑ ปี พรรษาตอนนั้นน่าจะสักเกือบ ๕๐
พรรษาแล้ว ท่านอยู่รูปเดียวในวัดคำพระอุ้ย หลวงปู่ให้การต้อนรับ เล่าเรื่องราวต่างๆ
ให้ฟัง พร้อมสอนวิชาคาถาอาคมสำหรับการบำเพ็ญภาวนา และที่มาของคาถาต่างๆ ให้ทราบด้วย
หลวงปู่เป็นที่เคารพของประชาชนในเขตอำเภอโพธิชัยอย่างมาก
งานการของฆราวาสท่านจะได้รับให้ไปเป็นประธานสงฆ์อยู่ประจำ หลวงปู่เป็นที่พึ่งยามชาวบ้านเจ็บป่วย
ตะกรุดของหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์มาก มีการทดสอบเอาปืนไปยิงตะกรุดของหลวงปู่
ปืนยิงไม่แตกเลย ใครได้ไปมักจะแคล้วคลาดปลอดภัย
แต่ก่อนตะกรุดหลวงปู่
หรือ บักหลอด หมากหลอด ในภาษาอีสาน หลวงปู่ท่านจะเขียนเอง แต่เมื่ออายุมาก ท่านจะให้ คุณพ่อคำ ซู่สีทอง เป็นผู้เขียน
แล้วหลวงปู่นำตะกรุดมาสวดคาถาอาคมและ พุทธมนต์กำกับอีกครั้งหนึ่ง
ในแผ่นทองที่นำมาม้วนทำตะกรุดนั้น
จะเขียนด้วยอักขระตัวธรรมลาว หลวงปู่ได้มาจากใบลานของโยมในหมู่บ้านอยู่ที่ภูหอ จังหวัดเลย
สมัยที่หลวงปู่ไปจำพรรษาที่นั่นถึง ๑๕ ปี
ตัวอักขระที่ใช้เขียนแผ่นทองนั้นอ่านว่า
อิ ธิ มะ ยา อิ
พุท ธัง อัด พะ จะ พะ
ตะกรุดที่หลวงปู่ใช้อักขระนั้นมี
๒ แบบ คือ ตะกรุดเล็กขุนแผน และตะกรุดใหญ่
ตะกรุดเล็กขุนแผน ใช้อักขระเขียนว่า
อิ ธิ มะ ยา อิ
ตะกรุดใหญ่ ใช้อักขระเขียนว่า
พุท ธัง อัด พะ จะ พะ
หลวงปู่บอกว่า เป็นคาถาของหลวงปู่ผาง
ใช้ทำตะกรุดใหญ่
สำหรับตัวหลวงปู่แล้ว เมื่อลุงคำ เขียนตะกรุดมาให้แล้ว
ท่านจะนำมาภาวนาด้วยคาถาอีกต่างหาก
ถ้าเป็นตะกรุดตัวผู้ ท่านจะใช้พระคาถาว่า
อุ อะ มะ สะ โหม
แต่ถ้าเป็นตะกรุดตัวเมีย จะใช้คาถาว่า
อิ อะ อุ อู อะ มะ สะ โหม
ในฐานะที่ฤาษีเรียนวิชาพระคาถาเปิดโลกกับหลวงปู่ไว้ จึงอยากบันทึกคุณธรรมวิเศษของหลวงปู่ไว้
มิให้สูญหาย เพื่อเป็นการคารวะคูบาอาจารย์และค่อนข้างจะแน่ใจว่า
คงไม่มีใครบันทึกไว้แน่นอน
ก่อนกราบลาจากหลวงปู่บุญมี ฐานิสโร ครั้งสุดท้าย ก่อนวันที่ ๒๖
ธันวาคม พศ.๒๕๔๗ หลวงปู่เมตตาเล่าว่า
ตัวท่านไม่ได้เข้าพระนิพพานในชาตินี้ เมื่อท่านตายไปแล้ว ท่านจะไปเกิดเป็นพรหมอยู่ชั้นดุสิต อายุ ๘ หมื่นปี แล้วหลวงปู่จะลงมาเกิดในยุคพระศรีอาริย์เมตไตร เมื่อศึกษาฟังธรรมปฎิบัติกรรมฐานกับพระพุทธเมตไตรแล้ว ท่านจะเข้าพระนิพพานในชาตินั้นเป็นชาติสุดท้าย เรื่องนี้ได้ยินกับหูตัวเอง
ไม่ได้ฟังใครต่อมา
วันที่ ๒๖ ธันวาคม พศ.๒๕๔๗ เป็นวันที่ สึนามิ
ครั้งแรกของประเทศไทย ฤาษีจัดอบรมเข้าปฎิบัติธรรมกรรมฐานที่วัดป่าบ้านเชียงเครือ ได้สอบถามพระอาจารย์ชัยภูมิ ภูมิปาโร ท่านบอกว่า หลวงปู่บุญมี
ท่านมรณะภาพก่อนแล้ว ในราวเดือนมีนาคม ๒๕๔๗ หลังจากว่างงานได้กลับไปกราบหลวงปู่
ไม่มีซากสังขาร มีแต่กุฎิเก่าที่หลวงปู่เคยพักอาศัยเท่านั้น ได้ถ่ายรูปท่านไว้แต่ไม่ได้เอาลงให้ดูวันนี้
หารูปไม่เจอ
บันทึกนี้ไว้เพื่อเป็นการคารวะบูชาต่อหลวงปู่ที่เมตตาสั่งสอนฤาษีมาตั้งแต่ต้น ขอกราบแทบเท้าหลวงปู่ด้วยความระลึกถึง
ฤาษีเอก อมตะ
วันที่ ๑ ตุลาคม พศ.๒๕๕๗




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น